บทความนี้จะอธิบายเกี่ยวกับไวยากรณ์ของสูตรและการใช้ฟังก์ชัน SHEET ใน Microsoft Excel
คำอธิบาย
ส่งกลับหมายเลขเวิร์กชีตของการอ้างอิงเวิร์กชีต
ไวยากรณ์
SHEET(value)
ไวยากรณ์ของฟังก์ชัน SHEET มีอาร์กิวเมนต์ดังนี้
-
ค่า ไม่จำเป็น Value คือชื่อของแผ่นงานหรือการอ้างอิงที่คุณต้องการหาหมายเลขแผ่นงาน ถ้า value ถูกละไว้ ฟังก์ชัน SHEET จะส่งกลับจํานวนแผ่นงานที่มีฟังก์ชัน
ข้อสังเกต
-
ฟังก์ชัน SHEET รวมเวิร์กชีตทั้งหมด (เวิร์กชีตที่มองเห็นได้ ซ่อนอยู่ หรือซ่อนไว้อย่างแน่นหนา) เอาไว้ นอกจากนั้นยังมีชนิดเวิร์กชีตอื่นๆ ทั้งหมด (แมโคร แผนภูมิ หรือเวิร์กชีตกล่องโต้ตอบ) อีกด้วย
-
ถ้าอาร์กิวเมนต์ค่าไม่ใช่ค่าที่ถูกต้อง ฟังก์ชัน SHEET จะส่งกลับ #REF! เป็นค่าความผิดพลาด ตัวอย่างเช่น =SHEET(Sheet1!#REF) จะส่งกลับ #REF! เป็นค่าความผิดพลาด
-
ถ้าอาร์กิวเมนต์ value เป็นชื่อแผ่นงานที่ไม่ถูกต้อง ฟังก์ชัน SHEET จะส่งกลับ #NA เป็นค่าความผิดพลาด ตัวอย่างเช่น =SHEET("badSheetName") จะส่งกลับ #NA ค่าความผิดพลาด
-
ฟังก์ชัน SHEET ไม่มีอยู่ในรูปแบบวัตถุ (OM) เนื่องจาก รูปแบบวัตถุได้รวมหน้าที่การใช้งานที่คล้ายกันไว้แล้ว
ตัวอย่าง
คัดลอกข้อมูลตัวอย่างในตารางต่อไปนี้ และวางในเซลล์ A1 ของเวิร์กชีต Excel ใหม่ สำหรับสูตรที่จะแสดงผลลัพธ์ ให้เลือกสูตร กด F2 แล้วกด Enter ถ้าคุณต้องการ คุณสามารถปรับความกว้างของคอลัมน์เพื่อดูข้อมูลทั้งหมดได้
สูตร |
คำอธิบาย |
ผลลัพธ์ |
=SHEET(QSalesByRegion) |
ส่งกลับจำนวนเวิร์กชีตที่มีชื่อที่กำหนดไว้เป็น QSalesByRegion บน Sheet2 และมีขอบเขตที่ทำให้พร้อมใช้งานสำหรับทั้งเวิร์กบุ๊ก |
2 |
=SHEET(Table1) |
ส่งกลับจำนวนเวิร์กชีตที่มีตารางชื่อ Table1 บน Sheet2 และมีขอบเขตที่ทำให้พร้อมใช้งานสำหรับทั้งเวิร์กบุ๊ก |
2 |
=SHEET(Hi_Temps) |
ส่งกลับค่าความผิดพลาด #NAME? เนื่องจาก name Hi_Temps ที่กำหนดจำกัดไว้เฉพาะเวิร์กชีตที่มีอยู่ นั่นคือ Sheet2 |
#NAME? |
=SHEET("Stuff") |
ส่งกลับจำนวนแผ่นงานของเวิร์กชีตที่ชื่อ Stuff |
3 |